ปริศนาสุริยยาตร์ ค่าแก้ 2 ลิปดาในมัธยมอุจจ์นั้นมาแต่ไหน บทนำ
ปริศนาสุริยยาตร์ ค่าแก้ 2 ลิปดาในมัธยมอุจจ์นั้นมาแต่ไหน บทนำ
หลังจากที่เคยได้นำเสนอเรื่องราวของค่าแก้มัธยมอาทิตย์กับจันทร์ในคัมภีร์สุริยยาตร์ที่ได้มาจากการตามหาค่าเทศานตรผล
จนจบที่ 3 กับ 41 ในแบบทศนิยม และ จบที่ 3 กับ 40 ตามลำดับและตามสูตรในตำราเดิมของ
สุริยสิทธานตะ ซึ่งตรงกับค่าแก้ในสุริยยาตร์แบบเหมือนกันอย่างกับแกะ
ในคราวนี้ จึงขอนำเสนอเรื่องราวปริศนาต่อเนื่องจากที่เคยได้ทิ้งท้ายไว้ว่า
ค่าบวก 2 ลิปดาที่อยู่ในขั้นตอนการหามัธยมอุจจ์นั้น ที่มา มันมาจากไหนกัน
ขอบอกกันไว้ก่อนว่า สิ่งที่กำลังจะบอกเล่าต่อจากนี้ไป ล้วนเป็นเพียงข้อสันนิษฐานทั้งสิ้น
ถือเป็นการค้นคว้าผ่านมุมมองของผู้เขียน อันเป็นข้อคิดเห็นส่วนตัว อาจมีข้อผิดพลาดหรือมีความไม่ถูกต้องอยู่บ้าง
ขอยกให้เป็นหน้าที่ของท่านผู้รู้ และบรรดานักวิชาการสายตรงตัวจริง ในการตรวจสอบอีกครั้ง จะดีกว่า
ไม่แน่นักว่า ปริศนาเรื่องค่าแก้ของมัธยมอุจจ์อาจมีบอกไว้ในหลักสูตรของท่านผู้รู้ที่ได้ทำเอาไว้อยู่ก่อนแล้วก็เป็นได้
เพียงแต่ผู้เขียนเองอาจยังไม่ทราบ และทั้งหมดที่กำลังจะบอกเล่าต่อจากนี้ ขอไม่ฟันธงว่าใช่หรือไม่
ขอให้ทุกท่านจงใช้สติปัญญาและวิจารณญาณในการพิจารณา วิเคราะห์ ใคร่ครวญ ต่อไป
อารัมภบทมายาวนาน กลับมาเข้าเรื่องของเรากันต่อ
เกี่ยวกับค่าบวก 2 ลิปดาที่อยู่ในขั้นตอนการหามัธยมอุจจ์นั้น เมื่อเราสงสัยว่า มันมาจากไหน
หากจะทำการพิสูจน์และตรวจสอบ จำเป็นต้องทราบก่อนว่า ขั้นตอนการคำนวณตามตำราเดิมนั้น กล่าวไว้ว่าอย่างไร
สำหรับขั้นตอนการคำนวณมัธยมอุจจ์สุริยยาตร์ตามตำราเดิมนั้น มีขั้นตอนที่ถูกเขียนสรุปมาเป็นภาษาปัจจุบันให้เข้าใจ
ได้ง่ายๆเป็นดังนี้ (ข้อมูลนี้ ได้มาจาก https://www.astroneemo.net/ ส่วนของคัมภีร์สุริยยาตร์)
ให้ตั้งอุจพลเถลิงศกลง เอาสุรทินประสงค์บวก แล้วเอา 3 คูณ เอา 808 หาร ผลลัพธ์เป็น ราศี เศษที่เหลือจากผลหาร
เอา 30 คูณ เอา 808 หาร ผลลัพธ์เป็นองศา เศษที่เหลือก็ให้ทำเป็นลิปดา โดยเอา 60 คูณ เอา 808 หาร
ลัพธ์ที่ได้ บวกด้วย 2 ลิปดาเสมอ ผลลัพธ์เป็น “มัธยมอุจ”
โปรดสังเกตสิ่งที่ตั้งใจเน้นไว้ให้ดีๆ คำถามมีอยู่ว่า
ลัพธ์ที่ได้ ทำไมจึงต้องบวกด้วย 2 ลิปดาเสมอ เพราะเหตุใด
มีศัพท์ใหม่ เพิ่มเติมให้ได้ฉงนกันอีกแล้ว ได้แก่คำว่า อุจจพลเถลิงศก และสุรทินประสงค์
สำหรับสองค่าที่มาใหม่
สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจในการคำนวณ คือ ค่าของอุจจพลเถลิงศก เพราะเกี่ยวพันกับการหามัธยมอุจจ์โดยตรง
สำหรับสุรทินประสงค์นั้น โดยสรุปถือเป็นเรื่องของการนับวันโดยมีจุดตั้งต้นที่วันเถลิงศก ง่ายๆสั้นๆ มีแค่นั้น
และเราสามารถใช้ Julian Date มาช่วยคำนวณแทนได้ตามสูตรที่เคยได้กล่าวกันไว้เมื่อนานมาแล้ว
คราวนี้ มาพิจารณาที่เรื่องของค่าอุจจพลเถลิงศกกันต่อ
สำหรับค่าของอุจจพลเถลิงศกนี้ ตามตำราเก่า บางทีก็ใช้คำว่า อุจจพลอัตตา ซึ่งก็คล้ายๆกันกับเรื่องของหรคุณเถลิงศก
ที่บางครั้งบางทีก็เรียกกันว่า หรคุณอัตตา เช่นกัน ดังนั้น ขอให้เข้าใจว่า ทั้งสองคำนี้ เป็นคำใช้เรียกชื่อของค่าคำนวณ
ตัวเดียวกัน
โดยอุจจพลเถลิงศกนั้น มีที่มาเริ่มต้นจากการใช้หรคุณเถลิงศกเป็นตัวตั้งแล้วลบด้วยเกณฑ์ 621
ผลลบที่ได้ หารด้วยเกณฑ์ 3232 เศษเป็น “อุจพลอัตตา”(อุจพลเถลิงศก)
หรือเขียนสรุปเป็นสัญลักษณ์คณิตศาสตร์สั้นๆง่ายๆก็คือ
อุจจพล = Mod[hd - 621, 3232] (หรืออุจพลเถลิงศก)
เมื่อ hd คือ หรคุณเถลิงศก
หากเราเปลี่ยนค่า hdเป็นหรคุณใดๆ(ส่วนใหญ่ จะมีแค่สองค่าคือหรคุณประสงค์กับหรคุณเที่ยงคืนประสงค์)
ค่าอุจพลที่ได้ก็จะมีค่าเป็นอุจพลใดๆตามไปด้วย เนื่องจากมีความสอดคล้องกัน
ในส่วนของสมการสุริยยาตร์ที่ผู้เขียนเก็บตกได้จากท่านผู้รู้คุณทองคำขาวนั้น ใช้ลักษณะการคำนวณเป็นดังนี้คือ
มัธยมอุจจ์ = 360*(hd-621)/3232 + 2/60
โดยที่ hd คือ หรคุณตามระบบคัมภีร์สุริยยาตร์ เป็นหรคุณเที่ยงคืนวันประสงค์ร่วมทศนิยมเวลา
หากเป็นหรคุณวันเถลิงศก ก็จะใช้เป็นหรคุณเที่ยงคืนก่อนวันเถลิงศกในการคำนวณ
และในพจน์ท้ายของสมการสุริยยาตร์จะมีค่าของ 2 ลิปดาที่เราตั้งข้อสงสัยกันนั้น ติดมาด้วย
สำหรับอุจพลเถลิงศก เมื่อได้มาแล้ว ให้ทำตามขั้นตอนดังที่กล่าวไว้ตั้งแต่ตอนต้น
ลัพธ์สุดท้ายที่ได้มาก็ต้องบวก 2 ลิปดาเข้าไปด้วย จึงจะเป็นอันจบขั้นตอนวิธีในการหาค่าของมัธยมอุจ
สรุปก็คือ ไม่ว่าจะคำนวณหาอุจพลจากวิธีการใดก็ตาม
ลัพธ์ที่ได้ในตอนสุดท้าย ให้บวกด้วย 2 ลิปดาเสมอ ผลลัพธ์จึงจะเป็น “มัธยมอุจ”
คำถามต่อมาก็คือ ค่าบวก 2 ลิปดานี้ ถูกใส่มาแต่เมื่อใด
จากข้อมูลที่ได้มาก่อนหน้า ทำให้ทราบว่า ในสุริยยาตร์ มีค่าแก้ที่เป็นทั้งบวกและลบ
ส่วนที่เป็นลบ เราจะพบได้ที่มัธยมอาทิตย์และมัธยมจันทร์ ซึ่งเป็นการตั้งจุดคำนวณที่ห่างออกมา
ในลักษณะอยู่ก่อนหน้าจุดอ้างอิง นั่นคือเมืองพุกาม ซึ่งตั้งอยู่ก่อนหน้าเมืองอุชเชนี
ในส่วนที่เป็นบวก พบได้ที่มัธยมอุจจ์ ซ่อนตัวอยู่ในขั้นตอนของการหามัธยมจันทร์
ซึ่งผลต่างระหว่างมัธยมจันทร์และมัธยมอุจจ์มีชื่อเรียกขานกันในตำราเก่าๆว่า อุจจวิเศษ
สำหรับค่าแก้ที่เป็นบวก ความหมายก็จะตรงข้ามกับค่าแก้ของมัธยมอาทิตย์และมัธยมจันทร์
ก็คือ เป็นการตั้งจุดคำนวณในลักษณะคล้อยหลังหรืออยู่เบื้องหลังจุดอ้างอิงคือ เมืองอุชเชนี
สำหรับค่าลบ คือค่าแก้ของมัธยมอาทิตย์กับจันทร์นั้น
เราทราบกันดีอยู่แล้วจากข้อมูลทางประวัติศาสตร์และข้อมูลเชิงตัวเลข ว่า
เป็นค่าแก้สำหรับพิกัดสถานที่ ณ เมืองพุกาม เมืองหลวงแห่งอาณาจักรพุกามโบราณ เมื่อราวพันกว่าปีก่อน
แต่กับตัวค่าแก้ที่เป็นบวกสำหรับมัธยมอุจจ์แล้ว เราแทบจะไม่ทราบข้อมูลอะไรเลยที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดค่าแก้ตรงนี้
แม้ในตำราเก่าเองได้บอกไว้แต่เพียงว่า ต้องบวก 2 ลิปดาเข้าไปเท่านั้น โดยไม่ได้บอกเหตุผลว่า เพราะอะไร
อีกข้อสงสัยที่ตามมา นั่นก็คือ ค่านี้ กำหนดขึ้นที่พิกัดไหนกันแน่ระหว่างอุชเชนี กับ พุกาม
ข้อข้องใจอีกประการหนึ่ง นั่นคือ ในคราวแรกเริ่มพิจารณาเรื่องค่าแก้ของมัธยมอุจจ์ในสุริยยาตร์
มีความไม่แน่ใจจากพิกัด ว่า เป็นที่ไหนกันแน่ พุกามหรืออุชเชนี สำหรับค่าบวก 2 ลิปดา เพราะมันมีความเป็นไปได้ทั้งคู่
เนื่องจากเป็นเลขที่กล่าวขึ้นมาลอยๆ แทบไม่ระบุด้วยซ้ำว่า ได้ทำการเทียบเคียงมาจากที่ไหน
เป็นเหตุให้ต้องไปไล่เรียงศึกษาประวัติศาสตร์ย้อนหลังกันอีกพักใหญ่
ก่อนที่สุดท้ายจะได้คำตอบออกมาว่า ทำไม ถึงเป็นอุชเชนี ไม่ใช่พุกาม
แนวทางที่ตอบได้ค่อนข้างแน่ชัดคือเป็นเรื่องของศาสนาและความเชื่อที่ต่างกัน
อีกทั้งสิ่งก่อสร้างในยุคสมัยที่อาณาจักรพุกามรุ่งเรืองนั้น พิกัดที่ตั้งของสถานที่ก็อยู่ก่อนหน้าเมืองหลวง
เมื่อเทียบจากเส้นแวงในปัจจุบัน ครั้นจะนำค่าจากเมืองแปรมาใช้ก็ไม่ได้
เพราะพิกัดที่ตั้งก็อยู่ก่อนหน้าเมืองพุกามด้วยเช่นกัน เป็นอันว่าจบ.
อีกนัยหนึ่งคือ ให้ลองพิจารณาดูก็ได้ ในเมื่อค่าแก้มัธยมอาทิตย์ มัธยมจันทร์ จากเมืองอุชเชนี สู่เมืองพุกาม
ในคราเริ่ม จ.ศ. 0 คิดเอาว่า เฉพาะระยะทางระหว่างเมืองก็ตีไปราวๆ 2-300 โยชน์(Yojana)
หรือตีเลขกลมๆเป็นหน่วยกิโลเมตร ก็อยู่ในหลัก1-2000 กว่ากิโลเมตรเข้าไปแล้ว
ผลที่ได้ยังมีค่าได้เพียงแค่ -3 ลิบดาและ -40 ลิบดาเท่านั้น
เพราะฉะนั้น ไม่มีทางเลยที่ค่าบวก 2 ลิปดาซึ่งน้อยกว่า ค่าสัมบูรณ์ของค่าแก้มัธยมอาทิตย์สุริยยาตร์
จะถูกใช้และกำหนดขึ้นที่เมืองพุกาม เพราะตัวเมืองพุกามเองก็ไม่ได้ถูกกำหนดเป็นจุดพิกัดอ้างอิงแต่แรกอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม เพื่อความแน่ใจ ขอให้เราลองตรวจสอบเชิงคำนวณกันดู
เหตุเกิดที่ จ.ศ. 0 หรือ พ.ศ. 1181(อีกครั้ง)
เมื่อเริ่มต้นการคำนวณใหม่ ณ จ.ศ. 0 โดยกำหนดให้ หรคุณมีค่าเท่ากับ 0
ผลจากการสอบทานคำนวณ ทั้งสมการสุริยยาตร์และตำราเก่า
พบว่า ที่หรคุณ 0 ค่าของอุจจพลเท่ากับ 290.8625 องศา และ 290.85 องศา ตามลำดับ
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อลองคำนวณสอบด้วยค่ามัธยมอุจจ์จากสูตรของคัมภีร์ขัณฑขาธยกะของพรหมคุปต์
ที่เรียบเรียงใหม่โดย ศาสตราจารย์ S. Balachandra Rao
โดยใช้จุดคำนวณเป็นจุดเริ่มของ จ.ศ. 0 แล้ว พบว่า ค่าที่คำนวณได้นั้นคือ 290.8528715 องศา
เรียกได้ว่า ใกล้เคียงกันมาก
ผลสืบเนื่องจากเรื่องนี้ คือ แน่ใจได้อย่างหนึ่งว่า
ในสุริยยาตร์ มีการนำเลขเกณฑ์มาจากคัมภีร์ขัณฑขาธยกะของพรหมคุปต์เข้ามาประกอบด้วยแน่นอน
แต่นำอะไรมาบ้างนั้น อาจมีรายละเอียดอยู่ในหลักสูตรของท่านผู้รู้ที่มีการเปิดสอน
แต่หลักฐานที่เห็นคาตาแน่ๆอย่างหนึ่งแล้ว นั่นก็คือ ค่าของมัธยมอุจจ์นั่นเอง
(ให้สังเกตว่า ค่าที่ได้จากตำราเก่าและสูตรของคัมภีร์นั้นมีความตรงกันในระดับทศนิยม 2 ตำแหน่ง)
สำหรับค่าของมัธยมอุจจ์ที่กล่าวไปข้างต้น เป็นค่าที่ถูกรวมกับตัวค่าแก้ 2 ลิปดาแล้ว
หากยังไม่ได้บวก จะอยู่ที่ 290.8292 องศาและ 290.8167 องศาตามลำดับ สำหรับสมการสุริยยาตร์และตำราเก่า
ขณะที่มัธยมอุจจ์จากสูตรของคัมภีร์ขัณฑขาธยกะของพรหมคุปต์ที่เรียบเรียงใหม่
โดย ศาสตราจารย์ S. Balachandra Rao นั้นไม่ได้แยกค่านี้ออกมาให้เห็นชัดเจน
แต่เท่านี้ ก็เพียงพอที่จะบอกได้แล้วว่า เจ้า 2 ลิปดาที่ใช้เป็นค่าแก้นี้ถูกใช้มานับแต่ เริ่มต้น จ.ศ. 0
เมื่อคำนวณที่อุชเชนีเป็นจุดอ้างอิง
อย่างไรก็ตาม จากการที่ไม่มีข้อมูลอะไรเลยที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดค่าแก้นี้ ในตอนแรกเริ่ม
ทำให้ผู้เขียนต้องลงแรงศึกษาค้นคว้าไปจนแทบจะเรียกว่า ลึกไปจนถึงระดับแกนโลก
ไล่เรียงกันมาตั้งแต่แนวคิดสมัยใหม่ เรื่อง การวัดมุมและนิยามของมุมเชิงเรเดียน
เรื่องของค่าตรีโกณมิติทั้งยุคเก่าและยุคใหม่ เรื่องของค่าพายกับวงกลม
และความสัมพันธ์ของดินแดนระหว่างเมโสโปเตเมีย อียิปต์ อินเดีย
กับบรรดาสรรพวิทยาการตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ลากยาวเรื่อยมาจนถึงยุคสมัยพระเวทของประเทศอินเดีย
และอีกมากมายหลายหลาก (จงอย่าลืมว่า ตัวเลขของค่าแก้ไม่ได้เฉพาะเจาะจงอยู่ที่บริเวณรอบๆอุชเชนีเท่านั้น
ตัวเลขนี้สามารถปรากฎที่เมืองอื่นอันใดก็ได้ ขอเพียงแค่อยู่ในเงื่อนไขข้อเดียวคือพิกัดที่ตั้งต้องอยู่คล้อยหลังหรือเบื้องหลัง
เมืองอุชเชนีเท่านั้น สร้างความสับสนในตอนแรกเริ่มให้กับผู้เขียนได้เป็นอย่างดีทีเดียว)
จนที่สุด เราได้บทสรุปสุดท้าย ที่คิดว่าน่าจะสอดคล้องและเชื่อมโยงกันมากที่สุดสำหรับข้อสันนิษฐานที่น่าจะเป็นไปได้
นั่นก็คือ เรื่องของความเชื่อในความสัมพันธ์ระหว่างเทพเจ้ากับเรื่องของกาลเวลา
บวกกับความพยายามในการวิเคราะห์และค้นหาเพื่อให้แน่ใจว่า
โดยสภาพของกาละและเทศะของที่แห่งนั้นมีความสัมพันธ์และเป็นไปได้จริงตามนัยยะแห่งสมมติฐานที่ตั้งเอาไว้นี้
ในตอนหน้า ค่อยมาดูกันว่า เมื่อวิเคราะห์ลงรายละเอียดทั้งในเรื่องของขั้นตอนและคำนวณหาตัวเลขแล้ว
ผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นอย่างไร.
ภาคผนวกท้ายบทนำ
จริงๆแล้ว ต้นเหตุของเรื่องนี้ เกิดขึ้นในระหว่างที่ทำการตามหาที่มาของค่าแก้มัธยมอาทิตย์กับจันทร์
เนื่องจากระหว่างทาง จะมีค่าบางอย่างที่ได้จากการค้นคว้า ซึ่งชี้ไปที่ กทม. กับโขงเจียม โดยตรง
และเกิดวิตกขึ้นมาว่า หากมีใครคิดหรืออ้างว่า เนี่ย เห็นไหม มันตั้งตำแหน่งคำนวณดาวมาจากพุกาม
ไม่ใช่กรุงเทพ มันไม่ถูกต้อง
ต้องแก้ไข!!!! ผลกระทบที่ออกมามันจะเกิดอะไรขึ้น
อันที่จริง ผลกระทบนั้นมีแน่นอน แต่ไม่ใช่อย่างที่คิด หรือคิดว่าจะแก้ไขได้โดยง่าย
เหตุเพราะเงื่อนไขต่างๆนั้นไม่ได้เหมือนกับในอดีตที่ผ่านมาแล้ว
บอกให้สั้นๆว่า ค่าที่เห็นอยู่ในตารางที่นำเสนอไปนั้น นำไปใช้งานต่อไม่ได้แล้ว แต่นำเอามาใช้ประกอบการศึกษาได้
อีกอย่างก็คือ คัมภีร์สุริยยาตร์ และคัมภีร์สุริยสิทธานตะนั้น เป็นคนละคัมภีร์กัน
เพียงแต่มีข้อมูลบางอย่างที่ถูกถ่ายทอดมาถึงกัน จึงคำนวณได้คล้ายๆกัน ทั้งหมดมีแค่นี้
แต่ไหนๆ เมื่อวิตกกันไปแล้ว เพราะสงสัยว่า หากเราจะใช้ค่าแก้มัธยมอาทิตย์กับจันทร์ที่เป็นของกทม กับโขงเจียม แล้ว
ค่าของมัธยมอุจจ์ต้องแก้ไขตามไปด้วยหรือไม่ เลยลองทดสอบเชิงตัวเลขกันดู
ผลที่ได้ พบว่า ไม่กระทบอะไรมากนัก หลักๆที่กระทบจะเป็นค่าแก้ของลิปดาจันทร์มากกว่า
แต่กลายเป็นว่า เราได้พบกับความพิเศษของค่าหรคุณในสุริยยาตร์มาแทน
สรุปง่ายๆ นั่นคือ สำหรับสุริยยาตร์ คุณ ไม่ต้องไปทำอะไรกับมันอีกทั้งสิ้น ทุกอย่างจบแล้ว.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น